เมนู

พล่าน ข้าวสารในหม้อนั้นก็ร้องกระฉ่อนไหวไปมา ครั้นว่าข้าวสารร้อนทั่วแล้ว อุทกังนั้นก็
เดือดแล้วก็ไหลล้นท้นเป็นฟองฟูมไป ยถา มีครุวนาฉันใด เมื่อสมเด็จพระเวสสันดรให้
ทานนั้นแผ่นดินไหว เดิมลมอันใหญ่ที่พัดต้านน้ำรองแผ่นดินนั้น มิอาจทรงอยู่ได้ด้วยเดชแห่งมหา
ทาน ลมนั้นบันดาลกำเริบพัดอยู่ข้างล่างก่อน อุทกังจึงกระฉ่อนไหวเหมือนหม้อข้าวแรกหุงตั้ง
เหนือเตาไฟนั้น น้ำในหม้อนั้นพล่านไหวก่อนแล้ว เมื่อน้ำรองแผ่นดินนั้นไหวแล้ว แผ่นดินก็ไหว
ดุจข้าวสารในหม้ออันไหวด้วยน้ำร้อนนั้น นี่แลทานของพระเวสสันดรนั้น ยังลมรองน้ำยังน้ำรอง
แผ่นดินและแผ่นดินสิ่งสามประการนี้ให้สะท้านสะเทือนไหว ทานของผู้ใดที่จะให้สิ่งสามประการ
นี้ไหว เปรียบดุจทานสมเด็จพระเวสสันดรนี้ไม่มี มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร
ปานดุจแก้วทั้งหลายมีประการต่าง ๆ ในพื้นแผ่นดินนี้ คืออินทนิลและมหานิลและโชติรส
แก้วไพฑูรย์ แก้วอุมมาระบุปผา แก้วมโนหรา แก้วสุริยกัณฑ์ แก้วจันทกัณฑ์ แก้ววิเชียร
แก้วบุษราคัม แก้วแดง แก้วลาย แก้วทั้งหลายนี้จะมีรัศมีดีขึ้นไปกว่าแก้วมณีของบรมจักร
พรรดิราชหามิได้ ตกว่าแก้วมณีแห่งสมเด็จบรมจักรพรรดิราชนี้มีรัศมีแผ่ไปโดยรอบคอบ
สว่างไปโยชน์หนึ่ง แก้วทั้งหลายจึงไม่ดียิ่งกว่าจักรวรรดิมณี ความนี้จะเปรียบฉันใด ทานคน
ทั้งหลายซึ่งให้นั้นจะได้มีคุณเท่ากันกับทานพระเวสสันดรนี้ไม่มี เปรียบดุจมณีทั้งหลายในพื้น
ปฐพีอันจะดีล่วงไปจากจักรวรรดิรัตนะไม่มีหามิได้ เหตุดังนั้น เมื่อสมเด็จบรมทานาธิบดีศรีเพส-
สันดรบพิตร ทรงพระยาประสาทอำนวยทานนั้น แผ่นดินไหวสิ้นเจ็ดครั้ง บพิตรจงทรงพระสวนา-
การฟังให้เข้าพระทัยในกาลบัดนี้
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีได้ฟังพระนาคเสนวิสัชนาดังนี้ก็สิ้นสงสัย ก็สรรเสริญ
พระนาคเสนโดยนัยวิสัชนามาแต่หนหลังนั้น
มหาภูมิจลนปาตุภาวปัญหา คำรบ 4 จบเท่านี้

สิวิรัญโญจักขุทานปัญหา ที่ 5


สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการถามอรรถปัญหาว่า ภนฺเต นาค-
เสน
ข้าแต่พระนาคเสนผู้เป็นเจ้า ตุมฺเห ภณถ นิมนต์แก้ปัญหานี้ ด้วยคำอันนี้มีพระพุทธ-
ฎีกาตรัสไว้ว่า ทิพจักขุบังเกิดแก่พระยาสีวิราชอันคลักพระเนตรทั้งสองให้เป็นทาน มีตาอันมืด
แล้วกลับได้ทิพจักขุ มีพระเนตรเป็นทิพย์เล่า นี้แหละ โยมพิเคราะห์ดูหาเห็นด้วยไม่ ด้วยพระ